วันที่ 14 มิ.ย.63 ครอบครัวของน้องชมพู่และชาวบ้านได้รับการติดต่อจากชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ซึ่งติดตามข่าวน้องชมพู่ และระบุว่ามีร่างทรงที่สามารถเรียกวิญญาณผู้ตายมาเข้าร่างเพื่อสื่อสารได้ โดยจะมีการทรงเฉพาะวันพระเท่านั้น เนื่องจากมีความเชื่อว่าเป็นวันที่มีการปล่อยผีออกมารับส่วนบุญ และวันที่ 13 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา ก็เป็นวันพระ และเริ่มทรงในช่วง 18.30 น.
เมื่อทีมข่าวเดินทางมาถึงที่สำนักร่างทรง ซึ่งพบว่าช่วงค่ำมีคนที่มีความเชื่อเดินทางมาเป็นจำนวนมาก พบว่าการทรงจะมีการรับขันธ์ 5 จำนวน 2 ขันธ์ ขันธ์ 8 อีกจำนวน 1 ขันธ์ พร้อมกระดาษเขียนข้อมูลคนตาย ซึ่งมีรายละเอียดคนตาย ชื่อ นามสกุล อายุ ที่อยู่ สาเหตุการตาย สถานที่ตาย ชื่อผู้เชิญวิญญาณ มีความสัมพันเป็นอะไรกับผู้ตาย
โดยทีมข่าวสอบถามทราบว่า ข้อมูลผู้ตายเหล่านี้ จะใช้เพื่อให้ร่างเชิญวิญญาณมาจากยมโลก เพื่อมาประทับร่าง ผู้ทรงอายุ 70 ปี เป็นหญิงสูงวัย โดยขณะทรงจะมีเสียงใหญ่เหมือนชายชรา สิ่งที่หน้าประหลาดใจคือ เมื่อร่างทรงรับขันธ์ จะมีการสวด และอัญเชิญดวงวิญญาณคนตายมาประทับร่างแล้ว เสียงจะเปลี่ยนไปตามเสียงของคนตาย อีกทั้งยังสามารถเรียกชื่อกลุ่มญาติคนตาย ทั้งที่มาร่วมพิธีและไม่มาได้ โดยที่ไม่ได้มีการบอกล่วงหน้า
สำหรับการประทับร่าง จะเริ่มจากการรับขันธ์ 5 ขันธ์ 8 เมื่อวิญญาณประทับร่าง ตามนิมิตนั้นจะมียมทูต 4 ตน ปรากฏกายอยู่เคียงข้าง เนื่องจากจะคอยดูแล ป้องกันวิญญาณที่มาหลบหนี โดยจะให้เวลาไม่นาน ประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น
ทีมข่าวเดินทางมาพร้อมกับ นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ป้าน้องชมพู่ นายจำลอง แดนกาไสย หรือ ยายลอง นางนลิน เงินนาม หรือ แม่ถอน และนางดอน หรือ ดอน ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า ป้ารุ้ง
ภาพจาก ทุบโต๊ะข่าว
ทั้งนี้ครอบครัวของน้องชมพู่ ได้ลำดับสุดท้ายในการประทับทรง เนื่องจากร่างจะไม่ประทับให้ เพราะไม่ต้องการบอกว่าใครเป็นคนร้าย เนื่องจากเกรงว่าจะอันตรายต่อร่าง ทีมข่าวพยายามพูดคุยจนสำเร็จ ก่อนเริ่มพิธีป้าแต๋น ได้เขียนชื่อลงบนกระดาษ แต่งขันธ์ โดยเขียนชื่อจริงทั้งหมด จากนั้นนำมอบให้กับร่างทรง
ร่างทรงเริ่มขานชื่อจริงของน้องชมพู่ จากนั้นพูดถึงวันตาย รายละเอียดตามที่ให้นางสมพร เขียนไว้ในกระดาษ ก่อนที่จะก้มกราบลงกับหมอนหน้าแท่นพิธี ซึ่งช่วงนี้เสียงของร่างทรงยังเป็นเสียงทุ้มและแหบ จากนั้นร่างทรงได้ถอดผ้าโพกหัวและลูกประคำออก นั่งนิ่งไปสักพัก ก่อนกราบลงกับหมอน ลูกศิษย์เข้าไปประคองร่างเอนลงนอน ก่อนพลิกตัวคว่ำหน้า และพูดออกมาประโยคแรก ซึ่งทำให้คนที่อยู่ในห้องพิธีอึ้ง คือ เสียงของร่างทรงกลายเป็นเด็กผู้หญิง
โดยหน้าแท่นพิธีมีเพียงนางสมพร และชาวบ้านเข้ามาเท่านั้น ลุงไชย์พลไม่ได้เข้ามาด้วย เมื่อวิญญาณมีการเข้าร่างแล้ว ก็พูดว่า แม่ แม่ แม่ แม่จ๋าแม่ จากนั้นป้าของชมพู่ เริ่มพูดคุยกับร่างทรงที่คาดว่าวิญญาณของน้องชมพู่ มาประทับอยู่ จากนั้นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจ และทำให้ป้าถึงกับอึ้งและน้ำตาไหลออกมา คือสิ่งที่ร่างทรงพูดออกมาว่า โอมมาไหม โอมไปไหน ซึ่งป้าบอกว่าโอมไม่ได้มา โดยโอมคือลูกชายคนโตของป้า กับลุงไชย์พล ซึ่งน้องสนิทกับโอมมาก
น้องจะเรียกว่า ป้า ป้าจ๋า อยู่เป็นระยะๆ ป้าพยายามบอกคิดถึงหลาน คำต่อมาที่ทำให้ทุกคนอึ้งไปอีกครั้งคือ ลุงมาหรือเปล่า ลุงมาไหม ลุงพลมาไหม ซึ่งขณะนั้นลุงไชย์พลไม่ได้อยู่ในห้องพิธีด้วย เนื่องจากทีมข่าวให้รออยู่ในรถ ช่วงเวลานี้ป้าแต๋น บอกว่าลุงก็มาด้วย ซึ่งป้าเริ่มกั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมาเป็นระยะ ๆ ร่างพูดเป็นเรื่อยๆ ว่า มาหาหนูเหรอป้า
ป้าแต๋น พยายามถามต่อว่า ชมพู่อยู่ไหน ซึ่งร่างตอบว่า ชมพู่ก็อยู่บนเขา อยู่กับหลวงปู่บนภูเขา (ปู่ชีปะขาว) ชมพู่ถามว่า ทำไมป้าไม่ชวนหนู ป้าแต๋นตอบว่า ป้าหาหนูไม่เจอ ป้าอยากช่วย ซึ่งช่วงนี้ร่างทรงทำเสียงคล้ายกับร้องไห้ ป้าแต๋นพยายามถามว่า ไปบนเขาได้ยังไง แต่ร่างบอกว่าไม่อยากพูด จากนั้นลุงไชย์พล ก็เข้ามาในห้องพิธี ซึ่งชมพู่แทนตัวเองว่า ลุงมาหาพู่เหรอ ลุงมาหาพู่ใช่ไหม
ร่างพยายามพูดต่อว่า ชมพู่คิดถึงแม่ แม่มาไหม และเรียกแม่จ๋า ๆ ป้าพยายามถามซ้ำว่าไปบนเขาได้อย่างไร ซึ่งน้องชมพู่ในร่างทรง ระบุว่า ถูกคนพาไป ถูกคนเอาไปทิ้ง โดยที่ไม่รู้จัก ส่วนคนพาไปไม่สามารถบอกได้ คนร้ายไม่ให้เดิน เขาอุ้มไปเลย คนร้ายเอายาให้กิน จากนั้นก็ไม่รู้ตัว เขาก็อุ้มไป คนเอาไปเป็นผู้ชาย
ทันใดนั้นร่างทรงก็พูดออกมาว่า ป้าถอนก็มาเหรอ ญาติพยายามถามต่อว่า ใครพาน้องชมพู่ไป แต่น้องชมพู่ไม่ยอมตอบ บอกว่าตัวเองไม่เคยเห็นหน้าคนร้าย แต่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร หลังจากกินยา คนร้ายเอาผ้ารัดตัว รัดตา ทำให้ไม่รู้เรื่องอะไร ส่วนเสื้อคนร้ายไม่ให้ใส่ ถอดออก ซึ่งไม่มีใครช่วยเหลือ ช่วงนี้ป้าแต๋น พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่าป้าไปไม่ทัน และพยายามถามต่อว่าเสื้อไปอยู่ที่ไหน ซึ่งชมพู่ระบุว่า เขาเอาไว้ตรงที่น้ำไหล เหมือนน้ำตก เขาเอาไว้ตรงนั้น อยู่ข้างหินทับเอาไว้
ร่างทรงพยายามคุยกับลุงไชย์พลต่อ ทำนองว่าเล่าเรื่องในอดีต ที่เคยคุยกับลุงไชย์พล ส่วนคนร้ายเป็นผู้ชายผมยาว โดยป้าบอกว่าอยากจะจับคนร้ายมาขอโทษน้องชมพู่ ซึ่งคนร้ายไม่อยู่ไกลจากบ้าน สูง ผิวดำแดง และมีมากกว่า 1 คน ทั้งคนไทย และคนลาว อายุ 30 ปี โดยที่ร่างทรงน้องชมพู่บอกได้แค่นี้
ร่างทรงน้องชมพู่ ยังพูดต่อว่า ทำไมวันที่ค้นหาถึงไปทิศตะวันตก เรียกอยู่ตั้งนานทำไมไม่ได้ยิน ซึ่งร่างทรงน้องชมพู่ ระบุว่า พยายามเรียกว่า ป้าถอน พยายามถามถึงแม่ ทำไมแม่ไม่มา ครอบครัวพยายามบอกว่า แม่ติดธุระ ชมพู่ถามต่อว่า ป้าแต๋นมาไหม ซึ่งทำให้ป้างงว่ารู้จักชื่อเล่นตนได้อย่างไร ชมพู่ฝากบอกว่า คิดถึงแม่ จากนั้นร้องถามแม่ ๆ คิดถึงไหม ร่างทรงก็ลา แล้วก็ไปทันที
ทีมข่าวสอบถาม นางสมพร หลาบโพธิ์ หลังจบพิธี ระบุว่า ส่วนตัวเชื่อว่าองค์ที่ประทับร่างน่าจะเป็นน้องชมพู่จริง เพราะชมพู่แทนตัวเองว่าหนูกับตน และพูดไทยตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ตนตกใจ คือ การเรียกชื่อโอม ลูกชายของตนที่น้องชมพู่มักจะเล่นด้วยเป็นประจำ อีกทั้งน้องชมพู่จะไม่เคยเรียนว่า พี่ สักคำเดียว ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ไม่เคยบอกชื่อกับสำนักแห่งนี้ ตนก็ไม่เคยมา แต่ร่างพูดได้หมด ตนก็แปลกใจ
อย่างไรก็ตาม ลักษณะทรงผมของ 11 ผู้ต้องสงสัย ไม่มีใครที่ผมยาวแม้แต่คนเดียว เพราผู้ชายในหมู่บ้านตัดผมสั้นกันทุกคน
บรรยากาศตอนกลางคืนที่หมู่บ้านกกกอก ม.2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ยังคงเงียบสงบ ชาวบ้านต่างเข้าบ้านของตัวเอง เนื่องจากวิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่ เวลาประมาณ 19.00 น. ทุกคนต่างก็พักผ่อน เพราะต้องตื่นเช้าไปทำไร่ทำนา
คลิป