
ยอมรับตรงๆ เลยว่า โดยบูลลี่เรื่องรูปร่างหนักมากเช่นกัน สำหรับนักแสดงสาว เปรี้ยว-ทัศนียา การสมนุช ที่ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชน
ในงานบวงสรวงละครเรื่องบ่วงวิมาลา เมื่อต้องถูกชาวเน็ตคอมเมนต์วิพๅกษ์วิจๅรณ์จนเคยคิดที่จะออกจากวงการบันเทิง
โดย เปรี้ยว ทัศนียา ได้เผยไว้ว่า “ผoมลงไป 12 กิโลกรัม ในเวลา 4 เดือน พูดตรงๆ คือรู้สึกว่าตัวเองตุ้ยนุ้ยเกินไป ดูจากในกล้อง
พอมาเล่นละครของพี่หนิง ปณิตา ก็รู้สึกว่าไม่อยากเป็นภาระให้กับใคร พี่หนิงเองก็ส่งใบสั่งoดน้ำหนักมาด้วย เขาก็ไม่ได้ถึงกับกดดันอะไรมากนะคะ
แต่เราเห็นความตั้งใจในการทำงานของเขา ก็เลยอยากให้หน้าละครของเขาออกมาดี แล้วมันก็ดีกับตัวเราด้วย เราก็เหมือนทำให้เขาและทำให้ตัวเองด้วย”
วิธีการลดน้ำหนักของเราทำอะไรบ้าง “หลักๆ ที่เรารู้สึกว่าเราอ้วu เพราะเราชอบกินข้าว เราชอบกินของเผ็ด ซึ่งมันต้องกินคู่กับข้าว เราก็เลยชอบกินข้าว
ก็ไปหาหมo เลยมารู้ว่าตัวเองเป็นคนแพ้ข้าวขาว ก็เลยต้องหันมากินข้าวดำแทน พอมากินข้าวดำแล้วรู้สึกว่ามันอิ่มง่ายกว่า ข้าว 1 ถ้วย
รู้สึกว่าเรากินได้แค่ครึ่งเดียว พอมาเป็นข้าวดำ แต่ข้าวขาวเรารู้สึกอยากกินตลอด เลยเปลี่ยนวิธีการกิน แล้วก็ออกกำลังกายด้วย
การแพ้ข้าวขาวของเราคือมันทำให้บวม รู้สึกว่าพอกินปุ๊บแล้วรู้สึกได้เลยว่ามันบวมๆ” “ก็คือควบคุมอาหารกับออกกำลังกายล้วนๆ เลย การควบคุมอาหารสำคัญกว่าการออกกำลังกายอีก สำหรับเรานะ”
เป็นปมในใจเรา “คือทักกันแบบอื่นได้ไหมที่ไม่ใช่เรื่องรูปร่าง ยุคนี้แล้ว ทักว่าสบายดีไหม วันนี้ทำอะไร มีความสุขไหม ดูซีรีส์เรื่องอะไร ทักกันแบบนี้มันน่าจะดีกว่า”
คำไหนที่รู้สึกว่าเสียใจที่สุด เขาไม่น่าพูดแบบนี้กับเราเลย “เราเซนซิทีฟ เราโดนเรื่องนี้มานานแล้ว มันสะสม อยู่ๆ มีคนเดินมาทักว่าอ้วuขึ้นรึเปล่า
คำนี้เลย เราจะรู้สึกว่าอีกแล้วเหรอ มันรู้สึกจุกๆ ทุกวันนี้เราผอมก็ยังมีคนมาทักอยู่เลยว่าอ้วนรึเปล่า ก็ไม่รู้จะตอบยังไง”
มันนอยส์ถึงขั้นอยากจะออกจากวงการ จะหางานอื่นทำแล้ว “ค่ะ เราเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมากๆ เราได้รับแต่บทเครียดและใช้พลังในการแสดงเยอะมากๆ
ในการเล่นแต่ละเรื่อง พอเราตั้งใจทำงานมากๆ เราอาจจะผิดที่ปล่อยปละละเลยตัวเองด้วย แต่มันก็เป็นเรื่องที่เราสามารถแก้ไขได้
มันไม่น่าจะต้องมาโดนอะไรเยอะขนาดนี้ ก็จะมีรู้สึกอยู่ว่าหรือเราไม่เหมาะกับตรงนี้ เพราะมันต้องผอม ต้องขาว ต้องสวยอย่างเดียว”
ตอนนั้นคือเตรียมหางานใหม่ “ก็มี แต่ในความรู้สึกจริงๆของเราก็คือเรารักการแสดงแต่มันอาจจะไม่ใช่ที่ของเรา”