
เดือดบนเวที ลั่นอายแทนพ่อแม่!
เปิดบ้าน ‘ปู พงษ์สิทธิ์’ เจ้าพ่อเพื่อชีวิตอันดับ 1 ไม่ตกยุคกินอยู่ง่าย แม้ดังไกลทั่วโลก
เจ้าพ่อเพลงรักเพื่อชีวิต อันดับ 1 ของเมืองไทย อย่าง ‘ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์’ นักร้อง นักดนตรีที่สร้างสรรค์และถ่ายทอดบทเพลง
ออกมาจากจิตวิญญาณ ส่งผลให้ทุกเพลงดังไกลทั่วประเทศและทั่วโลก ซึ่งไม่มีใคร ไม่รู้จัก เพราะ ‘ปู พงษ์สิทธิ์’ ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตมาแล้ว
ทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงต่างประเทศ อย่าง ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ ล่าสุด กลายเป็นคลิปที่ถูกแฟน ๆ แชร์กันเป็นจำนวนมาก
กับวินาทีเดือดของศิลปินเพลงเพื่อชีวิต ‘ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์’ หลังมาทำการแสดงที่งานลอยกระทง ณ สนาม รด เชียงราย แต่เจอเข้ากับเหตุการณ์
ที่ปล่อยผ่านไปไม่ได้ จนอารมณ์ขึ้นระหว่างอยู่บนเวที โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากจู่ ๆ มีวัยรุ่นปะทะคารมกัน หน้าเวทีทั้งมีการขว้างปาสิ่งของใส่กัน
ขณะที่ ‘ปู พงษ์สิทธิ์’ เล่นดนตรีอยู่ จน ‘ปู พงษ์สิทธิ์’ ต้องประกาศลั่นกลางเวที ยุติการแสดงชั่วขณะ พร้อมทั้งสั่งสอนวัยรุ่นที่ก่อเหตุชุดใหญ่
เรียกได้ว่าเป็นไอดอลเพื่อชีวิตของหลาย ๆ คนเลย สำหรับ ‘ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์’ เป็นคุณพ่อและคุณสามีที่น่ารักแบบ Family Man
มักจะให้เวลากับครอบครัวอยู่เสมอ ดูง่าย ๆ เลยจากการขยันพาครอบครัวไปทานข้าวนอกบ้าน บางวันก็ไปทานขนมกันบ้าง
มีกิจกรรมวันว่างกับลูก ๆ ใช้ชีวิตเรียบง่ายแต่ความสุขมาเต็มเปี่ยมจริง ๆ วันว่าง ๆ ของผู้ชายที่ชื่อว่า ‘ปู พงษ์สิทธิ์’ ก็ใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป
หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน เล่นกับน้องหมา ช่วงนี้เห็นมีเริ่มวิ่งออกกำลังกาย ส่วนคนดนตรีจะขาดการซ้อมไปไม่ได้เลย ตารางชีวิตในแต่ละวัน
ส่วนหนึ่ง ‘ปู พงษ์สิทธิ์’ ก็จะต้องแบ่งเวลาไปซ้อมดนตรีกับเพื่อน ๆ ในวง มีแต่งเพลงใหม่ ๆ บ้าง อยู่ง่ายกินง่ายแบบนี้ได้ใจคนเพื่อชีวิต
‘ปู พงษ์สิทธิ์’ เผยว่า “เพลงเพื่อชีวิตมันเป็นการเล่าเรื่องของสังคมในเวลานั้นและยุคนั้น แต่ตัวศิลปินก็สามารถที่จะทำดนตรี ให้เดินทางเจาะด้วยวิธีไหน
ภาษาแบบไหน เล่าเรื่องอย่างไรให้เข้าถึงผู้ฟังในแต่ละยุค ซึ่งในจุดนี้จะขึ้นอยู่กับศิลปินแต่ละคนถ่ายทอดออกมาในแนวทางของตัวเอง โดยส่วนตัวแล้ว
ชอบเพลงเพื่อชีวิตมาตั้งแต่ต้น อยากเจอผู้คน เอาเพลงไปให้เขาฟังเพื่อให้เขารู้ว่าเรากำลังเล่าเรื่องอะไร ผมพยายามเล่นเพลงใหม่ ๆ
ที่ไม่ต้องฮิตก็ได้ และในทุกวันนี้ผมเป็นคนที่จะไม่ทำให้ตัวเองตกยุคตกสมัย แม้กระทั่งความคิด ที่เราจำเป็นจะต้องอยู่กับคนรุ่นใหม่ให้ได้
อาจถูกมองเป็นของเก่า เพราะฉะนั้นเรายิ่งต้องพยายามเข้าใจและหาวิธีใหม่ ๆ ว่าจะนำเสนองานของคนรุ่นเรายังไงให้เขาเปิดใจและประทับใจ”