
ถกสนั่น! แฟนๆเดือดผลแพ้ชนะ ชnจริงหรือแค่ม.วยโชว์
บ้านเกิดบุรีรัมย์ ‘สมจิตร จงจอหอ’ สร้างใหม่อลังการ ติดยศใหญ่กลับไปกราบเท้าแม่
ฮีโร่ตำนานเหรียญทองโอลิมปิกต้องมาซัดกันเอง สมจิตร จงจอหอ ทีมขาว เสมอ วิจารณ์ พลฤทธิ์ ทีมดำ ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 29:29 รุ่น Super Lightweight
พิกัดน้ำหนักไม่เกิน 63.5 กิโลกรัม ใน10 Fight 10 Presented By GSBATTERY ซีซั่น 3 ถ่ายทอดสดจากสตูดิโอเวิร์คพอยท์ 10 Fight 10 ซีซั่น 3 ที่ยกระดับสังเวียนดารา สู่การชnระดับมือ
อาชีพ เปิดศึกคู่แรก ด้วยคู่ชnวีรบุรุษโอลิมปิก ที่หวนคืนสังเวียนอย่าง วิจารณ์ พลฤทธิ์ อายุ 47 ปี น้ำหนัก 57.7 กิโลกรัม นักม.วยเหรียญทองโอลิมปิกชาวไทยคนที่ 2 ที่มาในฐานะทีมดำ
สัต.ว์ประจำตัวนักชnคือ พญานาค สัต.ว์กึ่งเทพ ที่มีอิทธิฤทธิ์ เจ้าแห่งสายน้ำ เป็นผู้พิทักษ์รักษาและเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ คืนสังเวียนชnกับอีกหนึ่งตำนาน อย่าง สมจิตร จงจอหอ
อายุ 47 ปี น้ำหนัก 61.7 กิโลกรัม นักชnเหรียญทองโอลิมปิกครั้งที่ 29 ในฐานะทีมขาว สัต.ว์ประจำตัวคือ ปักษาวายุ ที่มีรูปร่างเป็นนกอินทรี ตัวและหน้าเป็นยักษ์ กำลังมหาศาลไม่มีผู้ใด
ต้านทานได้ และที่สำคัญคือเป็นคู่ปรับกับพญานาค มาเจอกันใน รุ่น Super Lightweight พิกัดน้ำหนักไม่เกิน 63.5 กิโลกรัม ซึ่งทั้งคู่เคยเป็นคู่ซ้อมกัน ถึงวันนี้ต้องมาขึ้นสังเวียนซัดกันเอง
โดยผลการตัดสินของคณะกรรมการเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนน เสมอ 29:29 สรุปผลคะแนนการแข่งขัน ทีมขาวและทีมดำเสมอ 1 ต่อ 1 ในสัปดาห์แรกนี้ โดยทั้งคู่เปิดใจหลังชnเสร็จว่า
พอใจกับผลงานในวันที่ เต็มที่ทั้งคู่ และดีใจที่ได้มาขึ้นสังเวียนด้วยกัน และสร้างความสุขให้กับผู้ชม เป็นนักกีฬาขวัญใจของคนไทยทั้งประเทศเลยล่ะค่ะ สำหรับ สมจิตร จงจอหอ อดีตนักชnเหรียญทอง
โอลิมปิก ปี 2008 และตอนนี้ผันตัวมาทำงานในวงการบันเทิง ทั้งละครและรายการวาไรตี้ เราต่างเห็นสมจิตผ่านหน้าจออยู่บ่อยๆ และวันนี้ทีมงานจะพาไปส่องบ้านที่จังหวัดบุรีรัมย์ของสมจิตและครอบครัว
เป็นบ้านสองชั้น ที่สีสันสวยงามมาก ๆ เรียบหรู เป็นบ้าน ที่ตกแต่งไว้ได้ทันสมัยสุด ๆ มองแล้วสบายตามาก ๆ ภายในบ้านก็มีมุม และ มีโซน ที่แบ่งไว้อย่างชัดเจนในรั้วบ้านของเขาใหญ่มาก
สามารถจอดรถได้มากกว่า 2 คัน ภายหลังจากที่ สมจิตร จงจอหอ อดีตนักชnเหรียญทองโอลิมปิก วัย 47 ปี ได้รับการเลื่อนยศจาก “ร้อยเอก” สู่ยศ “พันตรี” อย่างเป็นทางการ
ซึ่งอดีตนักชnเหรียญทองโอลิมปิก ยังได้กลับไปกราบเท้าคุณแม่ฝ้าย พร้อมโพสต์ข้อความสุดซึ้งปนฮาตามสไตล์คนอารมณ์ดีว่า “ผมเกิดจากครอบครัวที่เป็นชาวนา พ่อเป็นชาวนา แม่เป็นชาวนา
พี่น้องทั้งหมดก็เป็นชาวนา แต่ตอนนี้พ่อผมเลิกเป็นชาวนาแล้ว (พ่อผมเสียไปประมาณ20ปีล่ะ ส่วนแม่ก็เลิกเป็นชาวนา เป็นเบาหวาน และความดัน) แต่มีความสุขตามอัตภาพเพราะอยู่ไกล้ลูกๆ เสมอ
“วันนี้ขอกราบขอบพระคุณดวงวิญญาณพ่อเช้า(ที่เสียไปแล้ว) และแม่ฝ้าย ที่เป็นเบาหวานและความดัน ที่ท่านคอยสอนและพร่ำบอกลูกคนนี้ให้เป็นคนดีมาตลอด แม่เลี้ยงและดูผมมาตลอด ไม่เคย
ให้ลูกคนนี้ต้องอดอยากสอนเป็นคนสู้ชีวิตเหมือนพ่อแม่ คำสอนเหล่านี้มันอยู่ในตัวผมตลอดเวลา แล้วผมก็จะนำคำสอนนี้ไปบอกลูกๆหลานๆต่อไป (ลูกเลี้ยงแม่ ไม่เท่ากับแม่ลูก) ผมรักแม่ฝ้ายครับ”