
เร่ร้องเพลงแลกค่าแรงหลัก 100
‘เต๋า ภูศิลป์’ ไม่ลืมกำพืด กลับบ้านนอกดำนายืนขายปลาร้าเลี้ยงชีพ
เป็นอีกหนึ่งหนุ่มหล่อหล่อในวงการเพลงลูกทุ่ง สำหรับ ‘เต๋า ภูศิลป์ วารินรักษ์’ นักร้องลูกทุ่งหนุ่มจากค่าย ‘แกรมมี่ โกลด์’ ที่นอกจากจะมีผลงานเพลงลูกทุ่งมากมาย
เต๋ายังเป็นนักแสดงละครดังหลายเรื่อง และล่าสุดเป็นที่พูดถึงอีกครั้งกับบท ‘ยอด’ ในละครดัง
‘มนต์รักหนองผักกะแยง’ ทางช่อง 3 รวมไปถึงอีกหนึ่งผลงานละคร ‘ผู้ใหญ่สันต์กำนันศรี’ ที่มีเส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงที่เขาบอกว่าเขาเป็นเพียงคนธรรมดา
แต่เหมือนได้ใช้ชีวิตอยู่ในความฝันตัวเอง เพราะได้รับโอกาสดี ๆ มากมาย กลายเป็นนักร้องนักแสดงชื่อดังของเมืองไทย แต่เขาตระหนักดีว่าเมื่อถึงจุดสูงสุดก็ต้องคืนสู่สามัญ
และเลือกที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายที่บ้านเกิดของตัวเองในอนาคต “สมัยก่อนผมเป็นนักร้องตามวงของโรงเรียน เป็นวงดนตรีลูกทุ่ง วงโปงลาง
เวลามีงานบุญงานบวชต่าง ๆ ก็ไปร้องเพลง ญาติพี่น้องจะรู้ว่าเป็นนักร้องตามงานเลี้ยง พอมัธยมปลายก็ได้มีโอกาสไปร้องเพลงที่ร้านหมูกระทะ ได้เงินวันละ 300 บาท
ตอนนั้นเราคิดถึงบ้าน เลยร้องเพลงดีกว่า คนแชร์เยอะมาก เป็นสาเหตุที่ทำให้ได้เข้าวงการมาจนถึงปัจจุบันครับ
สิ่งที่ได้เรียนรู้ในปีที่ที่ผ่านมา ก็คือเรียนรู้ว่าการไม่มีหนี้คือลาภอันประเสริฐ ปีหน้าสิ่งที่อยากมีมากที่สุดก็คือ งาน เงินและก็ครอบครัว ปีใหม่อยากเห็นอะไรใหม่ ๆ
ก็อยากเห็นประเทศชาติบ้านเมืองมีความพัฒนาแบบก้าวกระโดด จากการทำงานที่ค่อนข้างลำบากกก็อยากให้พี่น้องชาวไทยได้ลืมตาอ้าปากได้
สภาพการเงิน การงานคล่องตัวมากขึ้น สุดท้ายนี้ปีใหม่ก็ขอให้มีความสุขมาก ๆ สุขภาพกายใจที่แข็งแรง”
แม้การทำงานในวงการบันเทิงสำหรับเต๋าเป็นเหมือนการใช้ชีวิตอยู่ในความฝันของตัวเอง แต่ในอนาคตข้างหน้า เต๋าบอกว่าไม่ได้คิดที่จะอยู่กรุงเทพฯ ไปตลอด
เพราะเขาวางแพลนแล้วว่าจะกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่าย “อย่างที่บอกว่าเราใช้ชีวิตในความฝันที่เป็นจริง ผมก็จะทำมาหาเลี้ยงชีพเป็นศิลปินนักร้องไปเรื่อย ๆ
ตราบใดที่พี่น้องแฟนคลับแฟนเพลงแฟนละคร รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ยังให้โอกาสอยู่ ผมก็จะทำหน้าที่นี้ไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายสูงสุดก็คืนสู่สามัญ ไม่รู้ว่าจะช้าหรือเร็ว ผมก็เตรียมตัวที่จะกลับบ้าน
ที่อุบลราชธานี เพื่อจะทำการเกษตรพอเพียง ก็จะทำผัก หรือมีร้านกาแฟ ขายของที่ระลึกในชุมชน อยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่เป็นหนี้สิน อันนั้นเหมือนเป็นการเกษียณอายุในวงการของผม
น่าจะอายุประมาณ 35-40 ปี ในขณะเดียวกัน ผมก็วางแพลนไว้แล้วครับในการถมที่ เนื่องจากในสถานการณ์ด้วย มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าสุดท้ายเราต้องอยู่กับธรรมชาติพอเพียงดีที่สุดครับ”