เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากอีกหนึ่งครอบครัวเลยล่ะค่ะวันนี้เธอนั้นได้มาเปิดใจ สำหรับ คุณแม่ หนูเล็ก-ภัทรวดี ปิ่นทอง หรือ หนูเล็ก ก่อนบ่าย ที่ล่าสุดบุตรชายสุดที่รัก น้องวิน วัย 2 ขวบ 7 เดือน เตรียมตัวไปโรงเรียนแล้ว โดยเจ้าตัวเล่าว่า เขาพูดตลอดว่าแม่อยากไปโรงเรียน แล้วก็อยากไปเจอทีเชอร์ พอไปวันแรกกลับมาบอกว่า แม่ครับวินอยากให้แม่ไปสอน
เขาบอกว่าอยากให้แม่ไปสอน เราก็บอกว่า ทำไม ไม่ชอบคุณครูเลย ไม่ แต่ว่าเด็กพูดไปเรื่อย แล้วพอสักพักเขาบอกว่า ไม่ชอบแม่อยากให้พ่อไปสอนแล้ว ก็เลยรู้ว่าวินพูดไปเรื่อย คือเหมือนกับว่าอยากไปโรงเรียนมากนะ แต่พอแม่ไปรับก็รีบมาหาแม่ เราก็เลยรู้สึกว่าโอเคถ้าเป็นอย่างนี้ลูกยังโอเคอยู่ แต่ถ้าหากว่าเมื่อไหร่ที่พอไปโรงเรียนปุ๊บแล้วไม่อยากกลับบ้าน อันนั้นแม่อันตรายแล้วแม่ต้องทำตัวเองใหม่แล้ว
จริงๆแล้วเขาให้ไปตั้งนานแล้ว แต่เรายังไม่กล้าให้ไปเพราะเรากลัว จริงๆคือป้องกันยังไงมันก็ไม่ปลอดภัยไปหมด พอมันถึงเวลาจริงๆที่เขาถึงเวลาเปิดกันหมดก็ต้องดูว่าระบบของโรงเรียนว่าเป็นยังไง ซึ่งที่นี่ตรวจทั้งพ่อตรวจทั้งแม่
ทุกคนที่จะมาส่งบุตรต้องตรวจก่อนแล้วส่งผลก่อนแล้วบุตรเองพอไปถึงโรงเรียนปุ๊บก็ตรวจแล้วก็จะส่งผลมาให้ผู้ปกครองทุกเช้า เราก็เลยรู้สึกว่าโอเค คือถ้าเราดูแล้วโรงเรียนไม่ปลอดภัยหรือว่าเราไม่มั่นใจเราก็อยู่บ้านได้แต่อย่างเราคือเด็กน้อยโรงเรียนปลอดภัยมากแล้วก็มั่นใจในการตรวจของเขา
ส่วนพัฒนาการของวินเราเห็นมาตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะเขาพูดเยอะมากเขาพูดรู้เรื่องมากแล้วก็เหมือนมันเป็นช่วงเป็นทุกวัยเป็นทุกเด็ก ช่วงที่เขาจะพูดอะไรต่างๆออกมาแล้วมันทำให้แม่ว้าวเหมือนเขาจะพูด วินต้องกินข้าวนะ เขาบอกทำไมวินต้องกินข้าว อ้าวแล้วทำไมวินถึงไม่กินข้าว
คือพูดเหมือนผู้ใหญ่มากซึ่งพอหนูถามบุตรผู้กับกับบุตรผู้กำกับก็เป็นแสดงว่าเด็กช่วงนี้ก็จะเป็นแนวนี้หมด เขาจะมีพัฒนาการที่ดีมากค่ะ เราจะระวังเรื่องคำพูดของเรามาก แล้วก็ระวังเรื่องความคิด คำพูด จิตสำนึก คือเด็กจะจำแม้กระทั่งจิตสำนึกของผู้ปกครองของพ่อของแม่เลย
เรื่องภาษาก็ดีมากค่ะ ดีกว่าแม่เยอะมาก เหมือนเวลาพูดอะไรแล้วแม่พูดผิดเขาก็จะท้วงไม่ใช่มันไม่ใช่ เหมือนปู แคป หรือเปล่า ไม่ใช่เขาเรียกว่า แครป เขามีเอ็กซ์เซนต์ของเขาเยอะมาก (เหมือนเราไปรบกวนเพื่อนข้างบ้านด้วย) ถ้าเรื่องเพื่อนคือเรื่องนั้นเขามาอยู่ข้างบ้านเราเอง เราไม่ได้ไปบังคับเขา
พี่นุ้ยเขามาอยู่ข้างบ้านเราเอง แล้วเวลาโรงเรียนเขาส่งอะไรมามันเป็น 10 หน้าภาษาอังกฤษใครจะไปอ่านออก เราก็ต้องปรึกษาเขาเพราะเขาจบปริญญาโท เราต้องปรึกษาเขาซึ่งเขาก็เต็มใจถ้าดูในคลิป ก็ปรึกษาตลอดเพราะว่าเราไม่รู้จะปรึกษาใคร
จะไปปรึกษาครูบางทีก็เกรงใจเขาจะไปปรึกษาคนอื่นจะไปปรึกษาดีเจนุ้ยก็เกรงใจ ก็คือปรึกษาทุกคนนะ พี่คะมันอ่านว่าอะไร บางทีเกรงใจแล้วถ้าถามว่าทำไมไม่เปิดในกลูเกิ้ลถ้าเล็กๆน้อยๆเปิดได้ ถ้าเยอะๆเรารู้จักคนที่พูดได้แล้วมันเสียเวลาส่งไปทีเดียวจบให้เป็นภาระของเขาไป อย่างไรก็ตามขอเป็นกำลังใจในการเลี้ยงดูบุตรของคุณแม่หนูเล็กต่อไปนะคะ เด็กสมัยนี้ยิ่งโตก็จะยิ่งมีคำถามให้เราตอบอยู่เรื่อยๆเลยล่ะค่ะเตรียมรับมือไว้ได้เลยจ้า