เมื่อวันที่ 27 ก.ย.64 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี จากกรณีชาวประมงพื้นบ้านพบ "อำพันทะเล" หรือ "อ้วกวาฬ" ก้อนใหญ่ลอยเกยตื้นริมชายหาดนิยม (หาดนายอำเภอ) ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี จึงเดินทางไปพบนายณรงค์ เพชรราช หรือ นายแมว อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/6 หมู่ 3 ต.ตะกรบ อ.ไชยา อาชีพทำประมงพื้นบ้าน ได้นำก้อนอำพันทะเล หรือ อ้วกวาฬ ออกมาให้ดูโดยได้ห่อผ้าขนหนูผืนใหญ่เก็บใส่ลังเก็บไว้อย่างดี พบมีลักษณะสีและรูปทรงคล้ายก้อนหินด้านหนึ่งมีรูโพรงอากาศและมีเม็ดคล้ายทราย ส่วนอีกด้านเป็นผิวมันเรียบ ชั่งน้ำหนักได้ประมาณเกือบ 30 กิโลกรัม
นายณรงค์ กล่าวว่า ตนทำอาชีพประมงพื้นบ้านเป็นหลักออกเรือหาปลากลางทะเลเป็นประจำ ช่วงบ่ายกลางเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ขณะกำลังนำเรือเข้าฝั่งจะกลับบ้านได้สังเกตเห็นมีก้อนอะไรถูกคลื่นทะเลซัดลอยอยู่บริเวณริมชายหาด จึงรีบเข้าไปดูพบว่าน่าจะเป็นก้อนอ้วกวาฬที่เป็นข่าวจึงอุ้มนำขึ้นมาไว้บนขนำของตนบริเวณชายหาดทำงานเสร็จจึงนำกลับบ้านบอกภรรยากับญาติพี่น้อง เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านที่นี่หลายคนยังไม่เคยพบเห็นหรือได้สัมผัสอ้วกวาฬของจริงมาก่อน ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก
"หลังพบอ้วกวาฬ ตนได้ปรึกษากับภรรยาและเพื่อนว่าอยากพิสูจน์ว่าเป็นอ้วกวาฬจริงหรือไม่ จึงได้ส่งให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา ช่วยตรวจสอบให้ ซึ่งผลออกมาว่าเป็นอ้วกวาฬของจริง ซึ่งตนและครอบครัวดีใจตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก และอยากจะประกาศขายเพราะมีหนังสือรับรองจากมหาวิทยาลัยแล้ว ถ้ามีใครสนใจและอยากจะแบ่งปันซื้อขายติดต่อตนได้โทร. 0617346390" นายณรงค์ กล่าว
สำหรับอ้วกวาฬ เป็นผลผลิตจากการสำรอก หรือการขับถ่ายของวาฬสเปิร์ม (วาฬหัวทุย) เท่านั้น กระบวนการที่ก่อให้เกิด คือ การกินหมึกที่เป็นอาหารหลักเข้าไปจนเกิดการสะสมของคอเลสเตอรอลในลำไส้วาฬ และก้อนไขมันชนิดนี้ ประกอบด้วยคอเลสเตอรอลและไขมัน ร้อยละ 80 รวมถึงสารเบนโซอิก และแอลกอฮอล์ เมื่ออ้วกวาฬถูกขับออกมาจากท้องของวาฬในตอนแรกจะมีกลิ่นคาวและกลิ่นมูลสัตว์ซึ่งเหม็นมาก แต่ผ่านไประยะหนึ่งจะมีกลิ่นหอมมาก ด้วยความที่อ้วกวาฬเป็นของหายากและมีราคาสูงใช้เป็นวัตถุดิบผลิตหัวน้ำหอม ถูกขนานนามว่าเป็นทองลอยได้แห่งท้องทะเล จึงทำให้เกิดการเสาะหาของนักแสวงโชคและกลุ่มชาวประมง