จากรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก แชร์โพสต์ข้อความผ่านเพจแจ้งเหตุพังงา ว่า เตือนภัยพ่อเราโดนถีบรถรุมทำร้ายร่างกาย ซอยข้างไปรษณีย์ วัยรุ่นประมาณ 4-5 คน ทำร้ายคนไม่มีทางสู้และรุมทำร้ายด้วย ตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ซอยจะทะลุไปอู่เรือ ตอนนี้เรากำลังพาพ่อมาแจ้งความดำเนินคดีจะไปดูกล้องวงจรปิดแถวนั้น อยากให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ เราโมโหมากอยากให้จับคนร้ายให้ได้
โดยนายอัมพร บุญฮอง หรือ ลุงตู่ อายุ 59 ปี ผู้บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ รพ.พังงา ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ถาวร ศรีปล้อง พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองพังงา
ขณะพนักงานสอบสวนเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ทราบว่ามีกลุ่มคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 3 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน ขับขี่ตามผู้เสียหาย เมื่อถึงที่เกิด รถจักรยานยนต์คนร้ายคันแรกลักษณะสีแดง-ดำ คนซ้อนท้ายได้ใช้ไม้ฟาดด้านหลังผู้เสียหาย จนรถจักรยานยนต์ผู้เสียหายล้ม โดยจักรยานยนต์คนร้ายคันที่ 2 สี ฟ้า-ขาว จากนั้นคนร้ายทั้ง 3 คน ลงจากรถเข้ารุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย โดยทั้ง 3 คน ใช้เท้าเตะเข้าตามร่างกายของผู้เสียหาย และได้วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีทางถนนศิริราษฎร์ (อู่เรือ)
นายอัมพร บุญฮอง หรือ ลุงตู่ เปิดเผยว่า หลังจากทำงานเสร็จสิ้น ตนเองได้กลับเข้าบ้านที่อยู่ในซอยราษฎร์อุทิศ จากนั้นขับรถจักรยานยนต์ ใช้เส้นทางมุ่งไปทางถนนศิริราษฎร์ (อู่เรือ) โดยไม่ทราบว่ามีรถติดตามอยู่ด้านหลัง เมื่อถึงบริเวณเกิดเหตุ ห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร มีลักษณะพ้นโค้งได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ขับตามประกบหลังทั้งซ้ายและขวา จังหวะเดียวกับที่เห็นคนขับจักรยานยนต์ด้านซ้ายถีบรถตนเองจนเสียหลักล้มลง ส่วนตนเองกลิ้งอยู่บนถนน ซึ่งกลุ่มคนร้ายได้จอดรถและเข้ารุมเตะถีบ และใช้ไม้ตีจนตนเองได้รับบาดเจ็บ ก่อนคนร้ายจะขับรถหลบหนี
ต่อมาตนเองจึงได้ขับรถจักรยานยนต์เข้า รพ.พังงา ทำการรักษา จากการตรวจร่างกายทราบว่าเส้นเลือดฝอยที่ตาแตก ปวดกราม มีรอยช้ำช่วงท้อง แผลถลอกที่ข้อศอก และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เบื้องต้น ให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่าไม่เคยมีปัญหา หรือทะเลาะกับใคร ส่วนตนเองและครอบครัว ขณะนี้อยู่ด้วยความกังวลว่าถูกกลุ่มคนร้ายวกมาเข้าทำร้ายอีก
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้ายึดรถจักรยานยนต์ที่ก่อเหตุ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพังงา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนคนร้ายที่เหลือทางเจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับนำตัวเข้าดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากนั้นนำตัวเข้าสอบปากคำเบื้องต้น ทราบสาเหตุว่า นายวิศรุต ณ นคร ซึ่งมีบ้านและที่ดินติดกับ นายอัมพร ในช่วงอาศัยอยู่นั้น นายอัมพร ได้เผาขยะและใบไม้บริเวณหลังบ้านของนายอัมพรเอง แต่ควันไฟและกลิ่นเผาไหม้ได้ถูกลมพัดพาเข้าบ้านตนเองจนเกิดความรำคาญบ่อยครั้ง จึงกลายเป็นอารมณ์ความแค้น ซึ่งตนเองได้พูดจาหลายครั้งแต่นายอัมพรไม่เคยคิดจะฟังและแก้ปัญหาให้ตนเองเลย จึงได้ชวนเพื่อนอีก 2 คน เข้าก่อเหตุตามคลิปวงจรปิดที่เกิดขึ้น
ที่มา amarintv
