จากกรณีสำนักอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหาในคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ หลังขับรถหรูชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสิรฐ ผบ.หมู่งาน ป.สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 ต่อมานายวรยุทธ ได้หลบหนีคดี 8 ปี กระทั่งปรากฏเอกสารจากสน.ทองหล่อว่าคดีนี้จบลงเนื่องจากอัยการไม่ส่งฟ้องผู้ใด ทำให้นายวรยุทธ อยู่วิทยา สามารถกลับประเทศไทยได้
จากหนังสือแจ้งผลการตรวจสารแปลกปลอมของโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่ น.395/2555 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ที่ตรวจสารแปลกปลอมที่พบในร่างกายของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ปรากฏว่าพบสาร Benzoylecgonine ซึ่งเป็นผลมาจากการเสพโคเคน (สารนี้จะไม่พบในอาหารและยาอื่น) และพบสาร Cocaethyene ซึ่งเป็นผลมาจากการเสพโคเคนร่วมกับแอลกอฮอล์ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานฉบับนี้จากแพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์แล้ว มีเหตุผลอะไรที่พนักงานสอบสวนไม่ตั้งข้อหาเสพโคเคนซึ่งเป็นสารเสพติดประเภทสอง และไม่ดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยเสพสารเสพติดประเภทสองในคดีนี้ตั้งแต่แรกของการดำเนินคดี ทั้งที่มีความชัดเจนของผลตรวจ
ล่าสุดวันนี้ (26 ก.ค.) นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึงอัยการสูงสุด และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กรณีอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทตระกูลดัง ขับรถชนตำรวจจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต พร้อมถามหาสาเหตุ ที่พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ ไม่ตั้งข้อหาเสพโคเคน ซึ่งเป็นสารเสพติดประเภทสอง และไม่ดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยเสพสารเสพติดประเภทสอ งในคดีนี้ตั้งแต่แรก ของการดำเนินคดี ทั้งที่ผลตรวจพบร่องรอบการเสพอย่างชัดเจน
ในจดหมายเปิดผนึก ถึงอัยการสูงสุด และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลักฐานที่นายอานนท์ แนบมาด้วย รวมถึง ผลการตรวจหาสารเสพติดของนายวรยุทธ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ซึ่งมีเนื้อหาว่า
ภาควิชาพยาธิวิทยา ขอแจ้งเกี่ยวกับสารแปลกปลอม ที่พบในร่างกาย ของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ตามที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ขอทราบข้อมูลดังต่อไปนี้
1. Alprazolam (อัลพาโซแลม) เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 4 ตาม พ.ร.บ. วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ โดยทางการแพทย์อาจใช้เป็นยานอนหลับหรือยาแก้โรคทางจิตประสาท และสามารถพบในปัสสาวะได้นานถึง 3-5 วัน หลังเสพ
2. Benzoyleegorine เป็นสารที่เกิดขึ้นในเลือด ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย (Metabolism) หลังจากการเสพ Cocaine (โคเคน) ซึ่ง Cocaine เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ โดย Cocaine ปกติจะไม่พบปนอยู่ในยา หรืออาหาร และสามารถอยู่ในเลือดได้นานถึง 18-28 ชั่วโมงหลังเสพ
3. Cocacthylene เป็นสารที่เกิดขึ้นในเลือด ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย (Metabolism) หลังจากการเสพ Cocaine ร่วมกับแอลกอฮอลก์
4. Caffeine (คาเฟอีน) ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษตามพ. ร. บ. ยาเสพติดให้โทษ และไม่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทตาม พ.ร.บ. วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ โดยเป็นสารที่พบได้ในชา กาแฟ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง น้ำอัดลมชนิดน้ำคำ เป็นต้น และสามารถพบในปัสสาวะได้นานถึง 2-3 วัน หลังเสพ
จึงเรียนมาเพื่อทราบ และแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบต่อไป ลงชื่อ ผศ. พลอากาศตรี นายแพทย์ วิชาญ เบี้ยวนิ่ม หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี