จากกรณีที่อัยการพลิกคดีทายาทเครือกระทิงแดง นายบอส-วรยุทธ อยู่วิทยา ซึ่งขับรถชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ เสียชีวิต ให้ไร้ความผิดแบบค้านสายตาคนทั้งโลกนั้น ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดกระแสโจมตีการทำหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางธุรกิจ โดยเริ่มมีกระแสการแบนสินค้าเครือกระทิงแดงทั้งในและต่างประเทศ
บอส เรดบูล ดังกระหึ่มทั่วอเมริกา สร้างประวัติศาสต์ขึ้นเฮดนิวส์ CNN แม้แต่กรมประชาสัมพันธ์สหรัฐฯ ยังออกข่าว ล่าสุด คดีการตายของดาบวิเชียร ถูกบันทึกขึ้น WIKIPEDIA โดยมีคีย์เวิร์ดว่า Corruption in Thailand ขณะที่กระแสแบน เรดบูล แผ่ว ส่วน กระทิงแดง ในไทยรอดหวุดหวิด เหตุสาแหรกตระกูลอยู่คนละสายธุรกิจ ด้าน ดร.ณรงค์ เตือนอย่าชะล่าใจ เผยโคคาโคล่า-สายการบินมาเลเซีย ก็เคยถูกทั่วโลกแบนเพราะปัญหาจริยธรรม
ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ กรณีดังกล่าวได้กลายเป็นข่าวดังในสหรัฐอเมริกา ชนิดที่เรียกว่าเล่นกันทุกสื่อทุกสำนัก นอกจากจะขึ้นเป็น Head News ของสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง CNN แล้ว หลังจากที่มีการพลิกคดี NPR (National Public Radio Network) ซึ่งเปรียบเสมือนกรมประชาสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกา ยังนำเสนอข่าวนี้ไปทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นเรื่องยากที่ข่าวของประเทศอื่นจะถูกนำเสนอในสื่อที่เป็นทางการอย่าง NPR ดังนั้นเชื่อว่ากรณีนี้น่าจะเป็นเคสที่คนอเมริกันให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย
อีกทั้งเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา คดีการตายของดาบวิเชียร ยังเป็นประเด็นที่ถูกบันทึกใน WIKIPEDIA ซึ่งถือว่าเป็นสารานุกรมระดับโลกโดยใช้ชื่อหัวข้อ Death of Wichian Klanprasert ซึ่งมีเนื้อหาตอนหนี่งว่า Wichian Klanprasert, a Thai police officer, allegedly was killed by Vorayuth Yoovidhya, grandson of billionaire Red Bull co-founder Chaleo Yoovidhya, in a hit-and-run incident in Bangkok, Thailand, on 3 September 2012.
แปลเป็นไทยว่า การตายของวิเชียร กลั่นประเสริฐ วิเชียร กลั่นประเสริฐ นายตำรวจไทย ถูกฆ่าตายโดย วรยุทธ อยู่วิทยา หลานชายของ เฉลียว อยู่วิทยา มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งเรดบูล ในเหตุการณ์ชนแล้วหนี ซึ่งเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2010
อีกทั้งยังใช้คีย์เวิร์ดในการเสิร์จหาประเด็นนี้ว่า Corruption in Thailand ซึ่งนอกจากจะทำให้กระบวนการยุติธรรมของไทยขายหน้าไปทั่วโลกแล้ว ยังถือเป็นเรื่องแปลกที่คดีในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ จะถูกบันทึกลงในสารานุกรมระดับโลก
โดยบางคนคาดการณ์ว่าอาจเป็นเพราะมีการพลิกคดีที่ไม่ชอบมาพากลและโจ๋งครึ่มชนิดที่ไม่มีกระบวนการยุติธรรมใดในโลกกล้าทำมาก่อน!
จากข้อมูลพบว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรณีการพลิกคดีของ วรยุทธ อยู่วิทยา เป็นที่สนใจของคนอเมริกันก็เพราะ เรดบูล เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ที่ส่งทีมลงแข่งในศึก ฟอร์มูล่าวัน การแข่งรถความเร็วสูงซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมของคนอเมริกัน
ดังนั้น ไม่ว่าครอบครัวของ เฉลิม อยู่วิทยา ประธานบริษัทเรด บูล จะขยับไปทางใดก็ย่อมเป็นที่สนใจของชาวอเมริกัน ยิ่งเป็นข่าวฉาวในลักษณะใช้เส้นสายพลิกคดีจนกลายเป็นคนที่ไม่มีความผิดอย่างกรณีของ “บอส-วรยุทธ” ก็ยิ่งเป็นที่สนใจและถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากการใช้อำนาจโดยมิชอบของอภิสิทธิ์ชนนั้นเป็นเรื่องที่คนอเมริกัน ชนชาติที่ศรัทธาในความเท่าเทียมของมนุษย์รับไม่ได้อย่างยิ่ง
จารยา บุญมาก สาวไทยที่ใช้ชีวิตในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า คนอเมริกันรับไม่ได้กับการใช้อำนาจบิดเบือนกฎหมาย เพราะในอเมริกาทุกคนมีสิทธิเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดี หรือดาราระดับฮอลลีวูด หากทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีเหมือนกันหมด นอกจากนั้น ในอเมริกายังถือว่ากรณีเมาแล้วขับเป็นอาชญากรรมที่รุนแรง ถ้ามีคดีเมาแล้วขับ 3 ครั้ง แม้จะไม่ได้ชนใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ก็จะถูกขึ้นบัญชี บริษัทต่างๆ จะไม่รับเข้าทำงาน แต่ถ้าเมาแล้วขับ 5 ครั้ง จะถูกยึดใบขับขี่ตลอดชีวิต ดังนั้น เมื่อคนก่อคดีคือ วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทของธุรกิจเรดบูล ซึ่งเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์ทีมแข่งฟอร์มูล่าวัน คนก็ยิ่งสนใจ
ข่าวนี้เป็นข่าวดังในสหรัฐฯ เล่นกันทุกสื่อ ไปที่ไหนก็จะได้ยินวิทยุเปิดข่าวนี้ โดยเฉพาะในแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นเมืองคนรวย คนขับรถหรู คนกลุ่มนี้ชอบดูแข่งฟอร์มูล่าวัน พอมีข่าวเกี่ยวกับทายาทของสปอนเซอร์ฟอร์มูล่าวัน คนแคลิฟอร์เนียก็เลยสนใจเป็นพิเศษ ในทวิตเตอร์คนอเมริกันก็มีการพูดถึงกันเยอะ คนอเมริกันส่วนใหญ่มองว่าการวิ่งเต้นคดีแบบนี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ แต่บางคนก็กระแซะว่ายังไม่ชินเหรอ เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไทยไม่ใช่หรือ จารยา กล่าว
ที่มา CNN